ประกันรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเจ้าของรถทุกคน เนื่องจากจะช่วยคุ้มครองความเสียหายที่เกิดขึ้นกับรถและคู่กรณี หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น การทำประกันรถยนต์จะช่วยให้เจ้าของรถได้รับค่าชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยประกันรถยนต์มีหลายชั้น ซึ่งที่เป็นนิยม ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1 และประกันรถยนต์ชั้น 2 ในบทความนี้เราจะมาเปรียบเทียบระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 2 และประกันรถยนต์ชั้น 1 ว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร เพื่อช่วยให้ผู้อ่านตัดสินใจเลือกทำประกันรถยนต์ได้อย่างเหมาะสม
สิทธิของประกันรถยนต์ชั้น 2
ประกันรถยนต์ชั้น 2 ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันและคู่กรณี ในกรณีที่รถชนรถหรือรถชนสิ่งของอื่น ๆ โดยให้ความคุ้มครองดังนี้
- ความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนรถ
- ความเสียหายต่อตัวรถของคู่กรณี กรณีรถชนรถ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของคู่กรณี กรณีรถชนรถ
- ความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนสิ่งของอื่น ๆ
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินของคู่กรณี กรณีรถชนสิ่งของอื่น ๆ
นอกจากนี้ ประกันรถยนต์ชั้น 2 ยังให้ความคุ้มครองเพิ่มเติม ดังนี้
- ความเสียหายต่อกระจกหน้ารถของผู้เอาประกัน
- ค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายรถของผู้เอาประกัน
- ค่ารักษาพยาบาลของผู้เอาประกันและคู่กรณี
- ค่าเสียหายต่อบุคคลภายนอก
สิทธิประกันรถยนต์ชั้น 1
ประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ของผู้เอาประกันและคู่กรณี ในกรณีที่รถชนรถหรือรถชนสิ่งของอื่น ๆ เช่นเดียวกับประกันรถยนต์ชั้น 2 แต่ให้ความคุ้มครองเพิ่มเติม ดังนี้
- ความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนกับยานพาหนะทางบกโดยไม่มีคู่กรณี
ความแตกต่างระหว่างประกันรถยนต์ชั้น 2 และประกันชั้น 1
จากสิทธิความคุ้มครองข้างต้น จะเห็นได้ว่าประกันรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองมากกว่าประกันรถยนต์ชั้น 2 ดังนี้
- คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถของผู้เอาประกัน กรณีรถชนกับยานพาหนะทางบกโดยไม่มีคู่กรณี
ดังนั้น ประกันรถยนต์ชั้น 1 จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมและอุ่นใจยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับประกันชั้น 2
ปัจจัยในการเลือกทำประกันรถยนต์
ในการเลือกทำประกันรถยนต์ ควรพิจารณาปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- มูลค่าของรถยนต์ หากรถยนต์มีมูลค่าสูง ก็ควรเลือกทำประกันรถยนต์ที่มีวงเงินคุ้มครองสูง เพื่อให้ได้รับความคุ้มครองที่เพียงพอ
- ประวัติการขับขี่ หากมีประวัติการขับขี่ที่ดี โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็จะน้อยลง สามารถเลือกทำประกันรถยนต์ที่มีเบี้ยประกันต่ำลงได้
- ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ หากขับรถในเส้นทางที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ถนนเส้นหลักที่มีรถมาก หรือถนนที่มีอุบัติเหตุบ่อยครั้ง ก็ควรเลือกทำประกันรถยนต์ที่มีวงเงินคุ้มครองสูง
- งบประมาณที่มี ควรเลือกทำประกันรถยนต์ที่มีเบี้ยประกันที่เหมาะสมกับงบประมาณที่มี
ประกันรถยนต์ชั้น 2 และประกันชั้น 1 ต่างก็มีจุดเด่นและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของรถแต่ละคน หากต้องการความคุ้มครองที่ครอบคลุมและอุ่นใจยิ่งขึ้น ประกันรถยนต์ชั้น 1 จะเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกว่า แต่หากต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย ประกันรถยนต์ชั้น 2 ก็เพียงพอแล้ว
Comments